วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

อารหารที่อันตราย


1แฮมเบอร์เกอร์ทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก หูและส่วนอื่นๆของมัน พราะว่าเบอร์เกอร์ทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef)แฮมเบอร์เกอร์ทั้งหมดจะใส่สารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะและเกิดอาการแพ้ MSG เป็นสารเคมีที่ห้องปฏิบัติการทดลองใช้ช่วยทำให้สัตว์อ้วนขึ้น และท้ายที่สุดก็ทำให้ท่านอ้วนขึ้นด้วย อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นผู้ใช้ยาปฏิชีวนะมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการหักล้างแบคทีเรียที่เป็นอันตรายในเนื้อ
2ฮอทด็อกทำมาจากเนื้อส่วนที่เหลือที่แย่ที่สุดจากโรงฆ่าสัตว์ เนื้อส่วนใดที่ขายเป็นส่วนของมันไม่ได้แล้วจะกองอยู่ที่พื้น และนำมาบดทำเป็นเบอร์เกอร์ รวมทั้งกีบ กระดูก จมูก สันจมูก หู เล็บและส่วนอื่นๆของมัน เพราะว่าฮอทด็อกทั้งหมดทำมาจากสัตว์ จึงสามารถขึ้นป้ายว่า เนื้อวัวแท้ (Pure beef) หรือ ทำจากไก่งวงแท้ 100%
3เฟรนฟรายด์ เป็นอาหารที่มี ?ความเป็นพิษสูง?การทอดเฟร้นช์ฟราย จะทอดกันที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์(Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่าเป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท
 4คุกกี้ โอริโอ้เด่นชัดมากก็คือ ส่วนของน้ำตาลมีอยู่สูงถึง 23 กรัมเลยทีเดียว ช็อกโกเล็ตนั้นเป็นสารอาหารรายการสุดท้าย นั่นหมายความว่า มีช็อคโกเล็ตประกอบอยู่น้อยมาก น้ำตาลปริมาณสูง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่นและเกิดริ้วรอยได้เร็วยิ่งขึ้น
5พิซซ่าในเชิงทางการค้าจะประกอบไปด้วยอาหารที่มาจากการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม 5 ชนิด
– เนยแท้ (cheese) เพียง 10% เท่านั้น
– แป้งที่ผ่านการปรุงแต่งให้ขาวที่ได้ทำการฟอกสี ทำให้วิตามินและเกลือแร่ออกไปแล้ว แต่ได้ทำการเติมเกลือแร่สังเคราะห์ตามจำนวนโมเลกุลที่มันเคยมีอยู่เข้าไปใหม่
– ซอสมะเขือเทศ ทำด้วยสารที่คล้ายมะเขือเทศที่สร้างยาฆ่าแมลงของมันขึ้นมาได้เอง ในร่างกายของท่าน
– แป้งสาลีที่นำมาใช้เป็นแป้งชนิดที่มีการตัดแต่งทางพันธุ์กรรม
– มีน้ำมันฝ้ายประกอบอยู่ด้วย ฝ้ายไม่ได้จัดเป็นพืชพวกอาหาร มันผ่านการสเปรย์ด้วยยาฆ่าแมลงที่ชาวไร่ใช้
6น้ำอัดลมสารตัวสำคัญที่มีอยู่ในโค้กก็คือกรดกำมะถัน (Phosphoric acid) ในด้านความเป็นกรดด่าง มันมีความเป็นกรดอยู่สูงมากพอที่จะละลายตะปูได้ภายใน 4 วันกรดที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำให้ยากที่จะทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
7ชิ้นไก่เนื้อนุ่มไม่มีกระดูก ทำมาจากชิ้นส่วขิงไก่ที่ไม่ใช้แล้วน้อยมากที่จะทำมาจากเนื้อขาวจริงๆการรับประทานต่อครั้งโดยทั่วไป จะให้พลังงาน 340 แคลอรี่ 50% เป็นไขมันมีแป้งขนมปังผสมอยู่มาก จึงมีคาร์โบไฮเดรตอยู่สูง มีการเติมสารปรุงรส (MSG=Monosodium Glutamate) ทำให้ปวดศีรษะ
8.ไอศครีม มีไขมันอยู่สูงมาก (ขนาดปกติ 4 ออนซ์) มีไขมันเกินกว่า 50% ของไขมันที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีคาร์โบไฮเดรตอยู่มาก เกือบ 40% ของคาร์โบไฮเดรตที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวันมีน้ำตาลอยู่มาก ทำให้มีความกระหายน้ำตาลมากยิ่งขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น
9.โดนัท โดยเฉลี่ยแล้ว จะให้พลังงานประมาณ 300 แคลอรี่ ในโดนัทหนึ่งชิ้นมีแป้งคาร์โบไฮเดรตอยู่มากกว่า 50% ของที่แนะนำให้บริโภคต่อครั้งต่อวัน มีเกลือโซเดียมอยู่สูงมาก ทำให้ร่างกายขาดน้ำได้
10.โปเตโต้ชิพ อาหารขบเคี้ยว การทอดโปเตโต้ชิพจะทอดกันที่อุณหภูมิสูงทำให้มีสารเคมีอะคริลิไมด์ (Acrylimides) ออกมา ซึ่งรู้จักกันดีว่า เป็นสารก่อโรคมะเร็งและทำลายประสาท กินมันฝรั่งทอดเพียงวันละ 1 ถุง เท่ากับซดน้ำมันพืชปีละ 5 ลิตร

การป้องกันตัว

การป้องกันตัว

1. เมื่อคนร้ายเข้าประชิดตัวเกิน 2 ก้าวให้ถีบเท้าซ้ายหรือขวาไปที่กระดูกขาท่อนบน หัวเข่าหรือหน้าแข้ง หากคนร้ายผลีผลามเข้าถึงตัว ใช้สันมือฟันไม่ยั้งไปที่ซอกคอหรือฟันไปที่ริมฝีปาก ดั้งจมูก คอ ไหปลาร้า กกหูหรือใช้สันมือกระแทกยันคางให้คนร้ายหงายหลัง
2. เมื่อคนร้ายจับมือไว้ข้างหนึ่งขณะนั่ง ยืนหรือเดิน ใช้มือที่เหลือจับนิ้วก้อยมือคนร้ายข้างที่จับเราอยู่กระชากหันกลับขึ้นอย่างเร็วและแรง
3. เมื่อคนร้ายจับมือทั้ง 2 ข้างทางด้านหน้า ให้ดึงมือกลับ โดยบิดข้อมือขึ้น ให้หันฝ่ามือเข้ากันแล้วดึงมือเข้าหาตัว จากนั้นตวัดมือข้างถนัดขึ้นสูง แล้วใช้สันมือฟาดลงบนดั้งจมูกคนร้ายอย่างแรง จากนั้นเตะที่หัวเข่าหรือหน้าแข้งคนร้ายอีกครั้ง
4. เมื่อคนร้ายจับมือทั้ง 2 ข้างไว้ด้านหลัง ให้เกร็งข้อมือไปด้านหน้า แล้วเหลียวดูเข่าคนร้ายเพื่อถีบไปที่หัวเข่าอย่างแรง
5. เมื่อคนร้ายเข้ามากอดด้านหน้า ให้สอดแขนข้างถนัดขึ้น แล้วใช้สันมือกระแทกใต้คางคนร้ายพร้อมใช้เข่ากระแทกท้องน้อย หรือเป้ากางเกงซ้ำ
6. เมื่อคนร้ายเข้ามากอดด้านหลัง ให้กระทุ้งศอกไปบริเวณลิ้นปี่หรือท้อง แล้วเบี่ยงตัวออกด้านข้างเล็กน้อย ยกศอกกระแทกไปที่คางหรือคอ ถ้าถูกกอดเหนือไหล่ ให้ใช้ศอกกระแทกที่ท้องแล้วกระทืบส้นเท้าไปมาบนหลังเท้าคนร้าย
7. เมื่อคนร้ายใช้ปืนหรือมีดจี้ทางด้านหลัง ให้หมุนตัวกลับเผชิญหน้ากับคนร้าย โดยเหวี่ยงเท้าขวาพร้อมใช้มือซ้ายปัดแขนคนร้ายออกด้านข้าง จากนั้นใช้สันมือขวาฟันไปที่ซอกคอคนร้าย อย่างแรง
8. เมื่อคนร้ายเข้ามาจะตบหน้า ให้ถอยหลังไป 1 ก้าว แล้วใช้เท้าอีกข้างถีบหน้าอก ท้องน้อยหรือเป้ากางเกงคนร้าย
9. เมื่อคนร้ายขึ้นนั่งคร่อมขณะนอนหงาย ให้ใช้สันมือยันคางและใช้อีกมือต่อยบริเวณลูกกระเดือก จิ้มลูกตาหรือทำร้ายจุดอ่อนอื่นบริเวณใบหน้า จากนั้นพลิกตัวหนี
10. เมื่อคนร้ายเข้ามาจับคอเสื้อหรืออกเสื้อ ให้ใช้มือขวาของเราจับหลังมือคนร้าย โดยให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ระหว่างง่ามนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ของคนร้าย แล้วพลิกมือหงายออกพร้อมใช้มือดันศอกคนร้าย พลิกกลับขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นดึงแขนคนร้ายเหวี่ยงไปทางขวาและกดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
11. เมื่อคนร้ายบีบคอด้านหน้า ให้เกร็งลำคอไว้แล้วประสานมือยกขึ้นกระแทกมือคนร้ายให้ออกจากกัน พร้อมกระแทกส้นเท้าที่หน้าแข้งคนร้ายอย่างแรง เมื่อคนร้ายปล่อยมือให้กระแทกส้นเท้าลงที่เข่าคนร้ายอีกครั้ง
12. เมื่อคนร้ายบีบคอด้านหลัง ให้ใช้มือทั้ง 2 ข้าง จับนิ้วมือคนร้ายแล้วดึงออก เบี่ยงลำตัวออกไปด้านข้าง พร้อมกับยกส้นเท้ากระแทกไปที่เข่าหรือหน้าแข้ง แล้วใช้กำปั้นทุบที่เป้ากางเกงคนร้าย
13. เมื่อคนร้ายจิกหรืกระชากผม ให้ประสานมือทั้งสองยกขึ้นวางทับมือคนร้ายที่จิกผม แล้วกดมือคนร้ายลงพร้อมหมุนตัวทางขวา เพื่อบิดข้อมือคนร้าย จากนั้นใช้เท้ากระแทกที่หน้าแข้งหรือหลังเท้าคนร้าย

รถหรู10อันดับ

1. Lamborghini Veneno 

Lamborghini Veneno

          รถสปอร์ตรุ่นพิเศษจากแลมโบกินี่ (Lamborghini) ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 9 คันเท่านั้น มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 750 แรงม้า ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ มีความเร็วสูงสุด 355 กม./ชม. พร้อมด้วยราคาจำหน่ายสูงถึงคันละ 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 146 ล้านบาท) แพงที่สุดในบรรดารถยนต์ที่ยังมีขายในปี 2014 เลยทีเดียว

2. Koenigsegg One:1
  


Koenigsegg One 1

          มาแรงแซงโค้งจริง ๆ สำหรับผู้ผลิตจากประเทศสวีเดนที่ทำรถเพียงไม่กี่ปีแต่ก็สามารถครองใจคนรักความเร็วได้อย่างรวดเร็ว โดยโคนิกเซกก์ วัน:1 (Koenigsegg One:1) เป็นรถที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีให้มีกำลัง 1 แรงม้า รองรับน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 5,000 ซีซี ให้กำลัง 1,341 แรงม้า ส่วนน้ำหนักกอยู่ที่ 1,341 แรงม้า เช่นกัน ด้วยความสมบูรณ์แบบเช่นนี้ ราคาของมันจึงสูงถึง 2.85 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 92 ล้านบาท) 

 3. Bugatti Veyron 

2013 Bugatti Veyron 16.4 Grand Sport Vitesse

          ซูเปอร์คาร์ผู้เป็นเจ้าของความเร็ว 432 กม./ชม. ใช้เครื่องยนต์ W16 Quad Turbo ขนาด 8,000 ซีซี กำลัง 1,200 แรงม้า ตั้งเป้าจำหน่ายให้ได้ 500 คัน และยังเหลือีก 50 คันให้เป็นเจ้าของ ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 2.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 81 ล้านบาท)

4. Ferrari LaFerrari
  



          นับเป็นซูเปอร์คาร์รุ่นที่แรงที่สุดของเฟอร์รารี่ในปัจจุบัน โดยเป็นรถสปอร์ตรุ่นแรก ๆ ของโลกที่นำเทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบไฮบริดมาใช้ ผสานกำลังกันระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,300 ซีซี กำลัง 963 แรงม้า ทำความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ในเวลาต่ำกว่า 3 วินาที ทำความเร็วได้มากกว่า 350 กม./ชม. ถือเป็นรถยนต์ไฮบริดที่แรงที่สุดบนโลกในขณะนี้ ทั้งนี้ มันถูกผลิตเพียง 499 คัน เท่านั้น ส่วนราคาของมันเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 52.6 ล้านบาท) 

5. Pagani Huayra

Pagani Huayra

          พากานิ ไวร่า (Pagani Huayra) ซูเปอร์คาร์จากอิตาลีที่มาแรงไม่แพ้แลมโบกินีและเฟอร์รารี (Ferrari) ใช้เครื่องยนต์ V12 Bi Turbo ขนาด 6,000 ซีซี จากเอเอ็มจี (AMG) พร้อมด้วยระบบปีกรับลมอัตโนมัติ เพิ่มแรงกดเพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยม ด้านสนนราคานั้นเริ่มต้นที่ 1.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 45 ล้านบาท)

6. Hennessey Venom GT


Hennessey Venom GT

          ใครว่าซูเปอร์คาร์มีเฉพาะในยุโรป สหรัฐฯ เองก็สร้างซูเปอร์คาร์ตัวแรงได้ดีไม่แพ้กัน ด้วย เฮนเนสซี เวนอม จีที (Hennessey Venom GT) เจ้าของความเร็ว 435 กม./ชม. ซึ่งสูงที่สุดในปัจจุบัน (แต่ยังไม่ได้การรับรองจากกินเนสส์บุ๊ก) สร้างจากโครงสร้างของโลตัส เอ็กซีก (Lotus Exige) ใช้เครื่องยนต์ขนาด 7,000 ซีซี เทอร์โบชาร์จคู่ มีกำลัง 1,244 แรงม้า ซึ่งรุ่นสูงสุดของมันมีราคาอยู่ที่ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 38 ล้านบาท)

 7. McLaren P1 



          สุดยอดรถสปอร์ตจากแม็คลาเรน (McLaren) ผู้ผลิตสัญชาติอังกฤษ ทีเด็ดอยู่ที่เป็นรถสปอร์ตไฮบริดที่ออกแบบทุกอย่างเพื่อใช้น้ำมันให้คุ้มค่าทุกหยด โดยใช้เครื่องยนต์ V8 ขนาด 3,800 ซีซี ผสานกำลังกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้พละกำลังรวมกันถึง 903 แรงม้า ส่วนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 42 ล้านบาท) แพงสมกับเป็นรถสปอร์ตเทคโนโลยีใหม่จริง ๆ

8. Porsche 918 Spyder



          รถสปอร์ตไฮบริดจากปอร์เช่ที่ไมได้มีดีแค่การประหยัดน้ำมัน แต่ยังมาพร้อมความแรงและฟิลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตเหลือกิน เหลือใช้กับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 4,600 ซีซี จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ให้กำลังรวมกัน 887 แรงม้า ส่วนราคานั้นแรงสะใจที่ 929,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30 ล้านบาท)

9. Rolls Royce Phantom


Rolls Royce Phantom

          รุ่นชูโรงสุดหรูของโรลส์ รอยซ์ ด้วยงานประกอบระดับเทพ วัสดุภายในคุณภาพสูง และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกจัดเต็ม ทั้งยังมีให้เลือกทั้งรุ่นคูเป้ เปิดประทุน และสี่ประตูแบบซาลูน ตามความต้องการ ใช้เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,750 ซีซี กำลัง 453 แรงม้า แรงกำลังดี ส่วนราคาเริ่มต้น 474,990 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 15.4 ล้านบาท)

10. Lamborghini Aventador

Lamborghini Aventador

          ซูเปอร์คาร์กระทิงดุรุ่นยอดนิยมของค่าย ออกแบบโฉบเฉี่ยวสมกับรถสปอร์ตในปัจจุบัน ภายในหรูหราด้วยวัสดุชั้นยอด มาพร้อมเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6,500 ซีซี กำลัง 700 แรงม้า ทำเวลาจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 2.9 วินาที นับว่าเร็วมากทีเดียว ด้านราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 441,600 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 14 ล้านบาท) สมกับเป็นสมรรถนะระดับซูเปอร์คาร์ของมัน

เอดัวร์ มาแน


                       

                     เอดัวร์ มาแน

Édouard Manet.jpg


เอดัวร์ มาแน (ฝรั่งเศสÉdouard Manet23 มกราคม ค.ศ. 1832 - 30 เมษายน ค.ศ. 1883) เป็นจิตรกรสมัยคนสำคัญของประเทศฝรั่งเศสใน คริสต์ศตวรรษที่ 19 มีความสำคัญในการเขียนถ  ผู้เป็นจิตรกรคนแรกในคริสต์ศตวรรษที่ 19ที่เขียนภาพเกี่ยวกับชีวิตประจำวันของคนทั่วไป มาแนเป็นจิตรกรคนสำคัญที่มีบทบาทในการเปลี่ยนจากการเขียนภาพแบบเหมือนจริง (Realism) ไปเป็นแบบอิมเพรสชันนิสม์
อาหารกลางวันบนลานหญ้า” (Le déjeuner sur l'herbe) และ “โอลิมเปีย” (Olympia) งานชิ้นเอกสองชิ้นของมาแนเป็นงานที่ทำให้เกิดมีความเห็นขัดแย้งกันมากและเป็นจุดที่ทำให้จิตรกรหนุ่ม ๆ รุ่นนั้นเริ่มหันมาวาดภาพอิมเพรสชันนิสม์—ซึ่งในปัจจุบันถือกันว่าเป็นจุดสำคัญของศิลปะที่แยกมาเป็นศิลปะสมัยใหม่