วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2559

ล่าม อาชีพคนเก่งภาษา



             ว่ากันว่า “ล่าม” เป็นอีกอาชีพหนึ่งที่รายได้ดี ถึงดีมาก แต่แน่นอน ถ้าเรียนมาง่ายๆ ใครๆก็สามารถเป็นล่ามที่ดีได้ ผลตอบแทนคงไม่สูงขนาดนี้  รายได้ของของอาชีพล่ามนั้นจะขึ้นอยู่กับภาษาและความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ลองรู้จักอาชีพล่ามกันดูว่า กว่าจะมีทักษะมากพอที่จะทำอาชีพนี้ได้ดีต้องมีหนทางอย่างไรบ้าง

ความหมายของล่าม
          ล่ามมี 2 ประเภทคือล่ามแปลพร้อมกับล่ามแปลสลับนอกจากเนื้อหาที่ล่ามต้องแปลแล้วเรายังแบ่งล่ามได้จากวิธีล่ามด้วย ซึ่งแต่ละวิธีก็ต้องการความสามารถของล่ามที่แตกต่างกันไปดังนั้นเพื่อให้เราสามารถบอกคนอื่นได้ว่าเราอยู่ในระดับไหน จึงต้องทำความเข้าใจเอาไว้ ในบทความนี้จะกล่าวถึงล่าม 2 ประเภทหลักๆซึ่งก็คือ ล่ามแปลพร้อม และ ล่ามแปลสลับการล่ามแปลสลับล่ามแปลสลับเป็นวิธีแปลที่เป็นพื้นฐานของล่าม โดยล่ามจะทำความเข้าใจในเนื้อหาก่อนแล้วจึงค่อยเริ่มแปลเพื่อบอกเนื้อหาเหล่านั้นให้คนอื่น ดังนั้นการแปลด้วยวิธีนี้จึงแปลแบบคร่าวๆก็ได้ แล้วแถมยังจดได้ด้วย จึงทำให้การแปลด้วยวิธีนี้จะง่ายกว่าการล่ามแปลพร้อมการล่ามอีกวิธีหนึ่งซึ่งเป็นวิธีที่ต้องใช้ความสามารถเชิงล่ามสูงขึ้นก็คือการล่ามแปลพร้อม การล่ามแปลพร้อมก็ตรงตัวเลยนะครับคือการฟังไปแปลไป คือการฟังพร้อมๆกับแปลดังนั้นจึงต้องการทักษะเชิงล่ามในระดับสูง การล่ามแบบนี้แม้จะถูกใช้ตอนประชุม หรือตามงานสัมมนาต่างๆ แต่บางครั้งล่ามจะไม่ได้นั่งอยู่ในห้องประชุมด้วย แต่จะใช้ไมโครโฟน และ เอียร์โฟน ในการแปลจากนอกโต๊ะประชุม เนื่องจากวิธีล่ามแบบนี้ล่ามจะไม่สามารถถามคนพูดได้ ดังนั้นการล่ามด้วยวิธีนี้ ผู้ทำหน้าที่ล่ามจะต้องมีความสามารถในการจัดการข้อมูลในระดับสูง
                      
หลายคนตั้งคำถามว่าล่าม ควรเรียนจบอะไร ?
             สำหรับอาชีพล่าม ในปัจจุบันบริษัทต่างๆมีการร่วมงานกับต่างชาติ ตลาดของล่ามภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษจึงมีเพิ่มสูงมาก และจะเห็นได้ว่าต้องมีทักษะในการใช้ภาษาที่ตนจะต้องเป็นล่ามให้ได้เป็นอย่างดี สามารถสื่อความได้ครบ ถูกต้อง แปลภาษากลับไปกลับมาได้อย่างคล่องแคล่ว ในเวลาที่จำกัด มีความรู้ที่กว้างขว้าง เรียกได้ว่าต้องมีทักษะในการฟังและแปลอย่างดีทีเดียว รู้ภาษาที่ตนจะเป็นล่ามอย่างแตกฉาน ทำงานภายใต้แรงกดดันได้ดีต้องมีสมาธิสูง  มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะฉะนั้นคนที่จะมาเป็นล่ามได้ คงมีที่มาคร่าวๆ ก็ 3 ลักษณะก็คือ

           1. เรียนทางด้านภาษานั้นๆมาโดยตรง ในระดับปริญญา
           2. เรียนด้านอื่นแต่ไม่ใช่ด้านภาษา แต่ว่ามีใจรักและความสามารถในการใช้ภาษาได้อย่างดี
           3. สามารถใช้ภาษานั้นๆได้ดี อาจด้วยการได้มีโอกาสไปศึกษา หรือโตมาในต่างประเทศ จนสามารถใช้ภาษานั้นๆได้แนบเนียนเหมือนภาษาแม่


คุณสมบัติของการเป็นล่ามที่ดี?
          1.มีความเข้าใจในกระบวนการต่างๆ
          2.มีความเข้าใจของวัฒนธรรมทั้ง2ฝ่าย
          3.รู้คำศัพท์อย่างกว้างขวางทั้งภาษาไทยและภาษาที่2
          4.มีความจำที่ดี จับใจความเก่ง
          5.พื้นฐานภาษาต้องแน่น
          6.มีความอดทนกดกลั้นต่อสถานการณ์ต่างๆ
          7.สามารถแยกแยะที่เรื่องกับเรื่องส่วนตัวได้สิ้นเชิง
          8.ขยันหมั่นเพียรในการฝึกฝนภาษาอยู่บ่อยๆ

รายได้ของล่ามแปลภาษา
          1. หากแปลได้ประมาณ 3 หน้ากว่าๆ ภายใน 8 ชั่วโมง และยังไม่ค่อยถูกต้องมากนัก เงินเดือนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 13,000 
          2. หากแปลได้ประมาณ 10 หน้า หรือมากกว่านั้น ภายใน 8 ชั่วโมง (ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและจำนวนคำ) และเมื่อยังไม่ได้ edit คำแปล ก็เกือบใช้งานได้อยู่แล้ว เงินเดือนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 35,000-37,000 
ในกรณีของ 2 ที่ให้ 35,000-37,000 นั้น เราตั้งสมมุติฐานว่า เวลาแปลอังกฤษเป็นไทย นักแปลต้องตีความภาษาอังกฤษแม่นยำมาก และเขียนภาษาไทยไม่มีกลิ่นนมเนย ส่วนเวลาแปลไทยเป็นอังกฤษ คำแปลภาษาอังกฤษ ต้องสื่อความหมายได้ถูกต้อง ชัดเจน ไม่แปลผิด ไม่ทำให้คนอ่านเข้าใจผิด แต่ยอมให้มี non-native speaker's errors ได้บ้าง แต่จะต้องไม่ผิดจนเละเทะ จนดูน่าเกลียด แต่ถ้าเขียนภาษาอังกฤษผิดมาก ก็ต้องลดเงินเดือนไปตามสัดส่วน หรือในกรณีที่บริษัทมีงานแปลไทยเป็นอังกฤษเสียเกือบ 100% อาจต้องพิจารณา "ไม่จ้าง"
          3. แต่ถ้าแปลได้เร็วขนาดในกรณีของ 2 (ทั้งแปลอังกฤษ-ไทย กับแปลไทย-อังกฤษ) แล้วเมื่อแปลไทยเป็นอังกฤษ นักแปลสามารถเขียนภาษาอังกฤษได้ดีเท่า native speaker คือไม่มีกลิ่นกะปิน้ำปลาเลย แถมยังเขียนภาษาอังกฤษได้สวยหรูดูไฮโซสุดๆจริงๆ เงินเดือนน่าจะอยู่ที่ประมาณ 70,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความสำคัญของงานที่แปล ส่วนถ้าเป็นแปลญี่ปุ่น ไทย อังกฤษ เงินเดือน ยึดตามเกณฑ์ที่ให้ไว้ใน
1- 3 ได้ แต่ให้เอา 2 คูณ เนื่องจากค่าแปลภาษาญึ่ปุ่นแพงที่สุดในตลาดการแปล 



วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง

8 กีฬาช่วยเพิ่มความสูง 

1. แทรมโปลีน
‘การกระโดดบนแทรมโปลีน จะช่วยให้เกิดการยืดของกล้ามเนื้อและกระดูกในแนวตั้ง โดยเฉพาะช่วงขาอย่างแท้จริง’ แนะนำให้กระโดด 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 20-30 นาทีค่ะผลการค้นหารูปภาพสำหรับ แทรมโพลีน
2. กระโดดเชือก
เป็นการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่ส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดหัวใจ และการหลั่งฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโต โดยสามารถช่วยกระตุ้นความสูงผ่านแรงกระแทกที่ส่งมาจากฝ่าเท้าโดยตรงได้ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ กระโดดเชือก
3. โหนบาร์
การออกกำลังกายประเภทนี้โดดเด่นตรงที่ทำให้กระดูกสันหลังตรง และสามารถยืดยาวออกไปได้ แถมยังทำได้ง่ายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงหาทำเลและอุปกรณ์เหมาะๆ ก็แขวนตัวเองเล่นได้แล้วผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โหนบาร์
4. โยคะ
ในแต่ละท่าย่อมส่งผลต่อกระดูกและกล้ามเนื้อที่แตกต่างกันออกไป ‘ท่ายืดขา จะช่วยยืดกล้ามเนื้อที่ขาทั้งสอง’ ส่วนท่างูจงอางที่ยกลำตัวคุณขึ้นจากพื้น ก็จะช่วยยืดกล้ามเนื้อลำตัวช่วงบนได้ ‘โดยนอนคว่ำให้ลำตัวและหน้าอกขนานแตะพื้น จากนั้นใช้แขนสองข้างยันพื้น พร้อมยกเฉพาะลำตัวขึ้นค้างไว้ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ โยคะ
5. ว่ายน้ำ
โดยเฉพาะท่าฟรีสไตล์ซึ่งคล้ายๆ กับการยืดกล้ามเนื้อบริเวณลำตัวเหมือนการเล่นโยคะท่างูจงอาง  แต่ความต่างก็คือ การว่ายน้ำทำให้แทบทุกส่วนของร่างกายได้ออกกำลังไปพร้อมๆ กันผลการค้นหารูปภาพสำหรับ ว่ายน้ำ
6. บาสเกตบอล
เป็นกีฬาอีกชนิดที่มีการผสมผสานกันระหว่าง ‘การวิ่ง ก้าวกระโดด และยืดกล้ามเนื้อ’ ซึ่งเป็นผลดีต่อการกระตุ้นความสูง แถมยังสนุกเพราะได้เล่นหลายคน แต่กีฬาประเภทนี้อาจทำให้คุณบาดเจ็บได้ง่าย จึงควรเล่นด้วยความระมัดระวังค่ะ
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ บาสเกตบอล
7. พิลาทีส
เป็นการออกกำลังที่ช่วยเพิ่มความยาวของร่างกายทั้งช่วงบนและช่วงล่าง สำหรับผู้ที่หยุดสูงแล้ว พิลาทีสอาจช่วยยืดกระดูกได้เฉพาะช่วงบนเท่านั้น สำหรับช่วงล่างอาจต้องใช้วิธียืดกระดูกอื่นๆ ร่วมด้วยผลการค้นหารูปภาพสำหรับ พิลาทิส
8.คิกบ็อกซิ่ง
การเตะต่อย…รวมถึงกีฬาประเภทต่อสู้อื่นๆ จะช่วยยืดกระดูกช่วงแขน/ขาได้เป็นอย่างดีหากเล่นเป็นประจำ ไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นนักกีฬาประเภทนี้มีแขนขาขาวกว่าช่วงลำตัว แถมยังมีหุ่นเฟิร์มสุดๆ แม้จะกินเข้าไปมากแค่ไหนก็ตาม
ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ คิกบ็อกซิ่ง